ฟิล์มเคลือบโฮโลแกรมคืออะไร มีลายอะไรบ้าง

เทคโนโลยีโฮโลแกรม หรือ ฟิล์มเคลือบโฮโลแกรม

วันนี้เราจะมาดูกันว่า ฟิล์มเคลือบโฮโลแกรมคืออะไร มีลายอะไรบ้าง ซึ่งโฮโลแกรมเป็นรูปแบบของภาพที่สร้างขึ้นมาให้ดูเหมือนมีความคมชัด มักจะเห็นเทคโนโลยีดังกล่าวตามพวก บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นต้น เทคโนโลยีชนิดนี้ทำให้เราเวลาที่เห็นภาพต่างๆ ก็จะรู้สึกนู้นขึ้นมา มีความเป็นมิติ เทคโนโลยีโฮโลแกรมนั้น จริงๆ แล้วมันก็เป็นภาพลวงตาที่เกิดขึ้นมาเท่านั้น จะถูกสร้างขึ้นมาด้วยกระบวนการ โฮโลกราฟฟี โดยกระบวนการชนิดนี้เป็นเทคนิคที่ช่วยทำให้แสงกระจายจากวัตถุที่จะบันทึกและได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้ เพื่อให้มันอยู่ได้ในตำเเหน่งเดิมที่เราได้เทียบการบันทึก

โฮโลแกรมนั้นตามหลักความเป็นจริงแล้วเราก็สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็นถึง 2 ประเภทด้วยกัน คือ

1. white-light Hologram เป็นภาพที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยการใช้แสงสว่างจากธรรมชาติ เช่น แสงแดด

2. ภาพโฮโลแกรม ที่ต้องถูกส่องด้วยแสงเลเซอร์ หรือ แสงที่มีสภาพหน้าคลื่นและมีความสอดคล้องกันในระดับหนึ่ง เพื่อที่เรานั้นจะได้สามารถมองเห็นภาพ 3 มิติได้อย่างชัด

ต้นกำหนดของโฮโลแกรม

เกิดขึ้นเมื่อช่วง ค.ศ. 1984 ที่ผ่านมาทางด้าน ดร.เดนนิส กาเบอร์ เป็นผู้ค้นพบในหลักการของโฮโลกราฟฟีแบบบังเอิญ  ได้นำมาพัฒนาและวิจัยต่างๆ ทำให้นำมาใช้ประโยชน์ที่ดีเป็นอย่างมากอีกด้วย โดยโฮโลแกรมนั้นก็จะมีลักษณะเป็นภาพที่มีลักษณะ 3 มิติ ในทุกวันนี้ก็ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีโฮโลแกรม เข้ามาประยุกต์กับงานต่างๆ ในปัจจุบันอย่างมากมายส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นเราก็มาดูกันเลย

การนำเทคโนโลยีโฮโลแกรมมาประยุกต์

1.การนำโฮโลแกรมมาใช้กับการสื่อสารทางระยะไกล

แน่นอนในการเลือกใช้เทคโนโลยีชนิดนี้นั้น ที่นำเข้ามาช่วยในการสื่อสารต่างๆ ในทางไกล ก็จะช่วยลดข้อจำกัดในเรื่องของสถานที่และการเดินทางต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้เทคโนโลยีดังกล่าวก็ทำให้หลายๆ คนชื่นชอบกันเป็นอย่างมากเช่นกัน

2.การนำมาใช้ในการจัดแสดงสินค้าต่างๆ

ในการเลือกใช้โฮโลแกรมกับสินค้าที่เรานำมาจัดแสดงนั้น ก็จะช่วยทำให้สินค้าของเราดูดีมีความโดดเด่นและเป็นที่น่าดึงดูดต่อลูกค้าได้เป็นอย่างดี สามารถที่จะทำให้สินค้าของเราเพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วย ทำให้ผู้ที่ได้เห็นก็รู้สึกอยากได้และนำไปครอบครอง

โฮโลแกรมตืออะไร 02

3.การนำมาใช้ในด้านเสริมสร้างความปลอดภัยต่างๆ

การเลือกใช้ฟิล์มโฮโลแกรมนั้น ก็สามารถที่จะนำมาสร้างความปลอดภัยได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชาชน ใบอนุญาตขับยี่ พาสปอร์ต บัตรเครดิต และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการปลอมแปลงเอกสารได้ดีมากยิ่งขึ้น

4.การบันทึกข้อมูลต่างๆ

โฮโลแกรมนั้นก็สามารถที่จะนำมาใช้ในการบันทึกข้อมูลต่างๆ ก็ได้เหมือนกัน สามารถที่จะช่วยในการจัดเก็บข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้มั่นใจได้เลยว่าการเลือกใช้โฮโลแกรมนั้นก็จะช่วยทำให้ข้อมูลของเราที่จัดเก็บอยู่นั้นมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ฟิล์มโฮโลแกรมนั้นจริงๆ ก็มีให้เราเลือกใช้กันอยู่มากมายหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งเราก็สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็นดังต่อไปนี้

ลักษณะของโฮโลแกรม

1. โฮโลแกรมฟิล์ม มีลักษณะที่นำไปติดตามพวก ท่อพีวีซี และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะนิยมเลือกใช้ตามอุตสาหกรรมต่างๆ โดยลักษณะของโฮโลแกรมชนิดนี้ก็จะมีเป็นสีเงินสีอื่นๆ หรือแบบใสนั่นเอง

2. โฮโลแกรมแบบสติกเกอร์ ก็จะมีลักษณะที่จะทำมาเป็นม้วนๆ เพื่อใช้สำหรับงานพิมพ์หรืองานตัดทั่วๆ ไปเเถมการใช้งานก็จะมีอายุที่ยืนยาวกว่า และที่สำคัญฟิล์มชนิดนี้ก็จะมีความแวววาวที่ถูกใจใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน

โฮโลแกรมตืออะไร 03

3. โฮโลแกรมแบบฟอยล์ ส่วนใหญ่แล้วนั้นก็มักจะเลือกใช้คู่กับบัตรสมาชิกต่างๆ บัตรเชิญ หรือ หนังสือ นิตยสารทั่วไป เพราะการเลือกใช้โฮโลแกรมในลักษณะแบบนี้ก็จะช่วยเพิ่มความสวยงาม ทำให้สามารถดึงดูดและมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วย

4. โฮโลแกรมฟิล์มเคลือบกันบอม โดยฟิล์มลักษณะแบบนี้นั้น ก็จะใช้ในพวกเอกสารที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อที่ป้องกันการปลอมแปลงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งเมื่อเราลอกฟิล์มชนิดนี้ไป ก็อาจจะเป็นการทำลายตัวเองไปในตัวก็เลยทำให้ยากต่อการลอกเลียนแบบ

5. โฮโลแกรมขูดลอก เป็นการใช้สำหรับในการขูดรหัสต่างๆ เพื่อป้องกันคนที่จะเข้ามาดูรหัสข้างใน นอกจากจะช่วยในเรื่องกันปลอมได้เป็นอย่างดีแล้ว ก็ยังมีความสวยงามและเป็นการนำเอาโฮโลแกรมเข้ามาใช้ประโยชน์ได้อย่างดีมาก

การเลือกใช้ฟิล์มเคลือบโฮโลแกรม

จริงๆ แล้วมันก็มีประโยชน์และให้เราได้เลือกใช้กันอย่างมากมาย โดยในแต่ละชนิดนั้นก็จะต้องดูด้วยว่าแบบไหนมันจะเหมาะสมมากกว่า และที่สำคัญ ในการเลือกใช้ฟิล์มดังกล่าว เราก็จะต้องมีการศึกษาและวิเคราะห์ว่ามันเหมาะสมกับสินค้าของเราหรือไม่ ถ้าเราอยากจะป้องกันการลอกเลียนแบบก็อาจจะเลือกใช้เป็นในรูปแบบของ ฟิล์มกันปลอมซึ่งความแตกต่างก็ขึ้นอยู่กับเราว่าอยากจะให้ออกมาเป็นแบบไหนสุดท้ายแล้วเราก็จะต้องเลือกให้มันเหมาะสมกับสิ่งของให้ได้มากที่สุดนั่นเอง